การรักษาความปลอดภัยแอนดรอยด์


การรักษาความปลอดภัยบนระบบมือถือจึงสำคัญเหมือนกับการรักษาความปลอดภัยบนเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยเช่นกัน FCC (Federal Communications Commission) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่กำกับดูแลเกี่ยวกับการสื่อสารได้ออกประกาศคำแนะนำในการป้องกันและลดความเสี่ยงของภัยคุกคามที่มีต่อระบบมือถือ [FCC] ซึ่งมีทั้งหมด 10 ข้อดังต่อไปนี้


ใช้ล็อคหน้าจอ การล็อกหน้าจอก็เป็นการป้องกันขั้นพื้นฐานที่ต้องมีเนื่องจากไม่ว่าคุณจะดูแลโทรศัพท์มือถือดีแค่ไหนก็มีโอกาศที่โทรศัพท์นั้นจะตกไปอยู่ในมือคนอื่นได้โดยง่าย ยกตัวอย่างเช่นเด็กเล็กที่อาจจะเล่นซนกับโทรศัพท์ของคุณโดยการกดโน่นกดนี่จะบางครั้งอาจทำกดลบหรือรีเซ็ตเครื่องของคุณ ทำให้ข้อมูลทุกอย่างที่จัดเก็บหายหมดก็เป็นได้ หรือหากโทรศัพท์ของคุณถูกขโมยไปก็เป็นการป้องกันอีกชั้นหนึ่งที่ไม่ให้ขโมยนั้นเข้าถึงเครื่องและข้อมูลที่อยู่ข้างในซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าตัวเครื่องโทรศัพท์ด้วยซ้ำ


 ไม่ควรปรับแก้ไขค่าเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย ไม่ควรปรับแก้ไขค่าเพื่อให้การใช้งานมือถือสะดวกมากยิ่งขึ้น การแก้ไขค่าพื้นฐาน การเจลเบรก (Jailbreak) หรือ รูทติ้ง (Rooting) เป็นการหลีกเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของระบบมือถือ ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีได้โดยง่าย


สำรองข้อมูลและปกป้องข้อมูล (Backup and Secure your data) ผู้ใช้ควรสำรองข้อมูลทุกอย่างที่จัดเก็บไว้บนมือถือ เช่น บัญชีผู้ติดต่อ เอกสาร รูปภาพ เป็นต้น ซึ่งการสำรองนั้นอาจเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอย่างเช่น USB Drive หรืออาจจัดเก็บไว้บนคลาวด์ก็ได้และเป็นทางเลือกที่ดีด้วย ซึ่งการสำรองข้อมูลจะช่วยให้การกู้คือข้อมูลได้ง่ายหากโทรศัพท์เกิดสูญหาย ถูกขโมย หรือถูกลบข้อมูลทิ้ง


 อย่าติดตั้งแอพพลิเคชันจากเว็บไซต์หรือแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เนื่องด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เป็นระบบปฏิบัติการที่นิยมในระบบมือถือ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่มันจะกลายเป็นเป้าหมายของมัลแวร์ ผู้เขียนมัลแวร์สามารถเข้าถึงซอร์สโค้ดได้โดยง่ายและสามารถพัฒนามัลแวร์มาโจมตีระบบแอนดรอยด์ได้โดยง่ายเช่นกัน การแพร่กระจายของมัลแวร์มักจะเกิดจากการที่ผู้ใช้เข้าไปดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ ซึ่งอาจจะทำโดยไม่รู้ตัว โดยปกติเว็บไซต์ที่เปิดให้ดาวน์โหลดแอพพ์อย่างเช่น Google Play และ Apple AppStore จะมีการตรวจสอบซอร์สโค้ดของแอพพ์ต่างๆก่อนที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ของเขา ดังนั้นเพื่อป้องกันการดาวน์โหลดแอพพ์ที่แฝงมัลแวร์มาด้วยจะควรดาวน์โหลดเฉพาะจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น



ศึกษาสิทธิ์ของแอพพ์ก่อนการติดตั้ง ว่าแอพพ์นั้นมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลอะไรได้บ้าง หรือมีสิทธิในการทำอะไรบ้างกับโทรศัพท์มือถือ เพราะการอนุญาตให้สิทธิแอพพ์ในการเข้าถึงระบบมือถืออาจเป็นช่องโหว่ที่เปิดโอกาศให้แอพพ์นั้นสร้างอันตรายกับระบบโดยรวมได้ง่าย


การติดตั้งแอพพลิเคชั่นป้องกันโทรศัพท์หรือใช้แอพพ์การรักษาความปลอดภัยที่มีส่วนป้องกันการโจรกรรม ทำให้โทรศัพท์ของคุณในบริเวณใกล้เคียงและการใช้หน้าจอล็อคจะป้องกัน snoopers แต่ทางอาญาจะกำหนดเพียงแค่เดินออกไปกับโทรศัพท์ของคุณและพยายามที่จะดึงข้อมูลในภายหลังหรือง่ายเช็ดโทรศัพท์ของคุณและพยายามที่จะขายมัน


 ควรมีการอัพเดทโอเอสและแอพพ์เป็นประจำ เพื่อให้ระบบมีความทันสมัยในการป้องกันภัยคุกคามใหม่ๆ การอัปเดทเป็นประจำจะเป็นการปิดช่องโหว่ที่ค้นพบใหม่ และจึงสามารถป้องกันภัยคุมคามใหม่ๆได้


 ควรระวังในการใช้งาน WiFi โดยเฉพาะที่เปิดให้ใช้งานแก่สาธารณะ เพราะการเชื่อมต่อกับระบบสาธารณะก็เป็นการเปิดช่องทางให้แฮกเกอร์ในการเจาะเข้าระบบได้โดยง่าย ดังนั้นควรจำกัดการใช้งานให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น หรือเลือกใช้เฉพาะระบบ WiFi ที่ปลอดภัยเท่านั้น


ลบข้อมูลบนมือถือก่อนที่จะบริจาค ขายหรือส่งกลับคืน เพราะในมือถือจะมีข้อมูลที่สำคัญมากมากที่หากรั่วไหลอาจจะเป็นอันตรายกับตัวผู้ใช้เองก็ได้ การลบนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดคือการคืนค่าสู่ค่าโรงงาน (Reset to factory default)


 รายงานหากโทรศัพท์หาย เพื่อจะช่วยให้ตำรวจมีข้อมูลในการค้นหาหรือระบุโทรศัพท์ที่หาย ซึ่งจะเป็นผลต่อคดีทางกฎหมายได้ โดยเฉพาะหากโทรศัพท์ถูกขโมยแล้วไม่ได้แจ้งหาย และหากนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมก็จะทำให้เจ้าของอาจต้องถูกสอบสวนหรืออาจตกเป็นผู้ต้องหาไปด้วยก็ได้

ข้อแนะนำข้างต้นทั้ง 10 ข้อเป็นข้อแนะนำพื้นฐานที่ผู้ใช้มือถือแบบสมาร์ทโฟนควรปฏิบัติตาม อย่างไรก็ตามยังมีข้อแนะนำอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ก็มีความสำคัญเช่นกัน จุดอ่อนที่สำคัญคือจุดอ่อนของผู้ใช้งานที่อาจจะถูกหลอกล่อให้คลิกหรือดาวน์โหลดแอพพ์ต่างๆมาติดตั้ง โดยแอพพ์เหล่านั้นอาจจะแฝงมาด้วยมัลแวร์ที่อาจจะเข้ามาขโมยข้อมูลหรือแม้แต่ทำลายเครื่องก็เป็นได้ ดังนั้นผู้ใช้งานควรระมัดระวังในการใช้งาน


ใหม่กว่า เก่ากว่า